
ปฐมบทของเหตุการณ์ วันสัตตนาคารำลึก ย้อนตัวเลขถอยหลังกลับไปในปี พ.ศ.2500 เวลาประมาณตีสอง ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 เกิดพายุฝนฟ้าคะนองแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นทั่ว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แดนดินอีสานตอนบนริมฝั่งแม่น้ำโขง
ประวัติโดยสังเขป วันสัตตนาคารำลึก
"นายไกฮวด" กุลีกุจอออกมารองน้ำฝนหน้าบ้าน พลัน...สายตาเหลือบแลเห็น "แสงประหลาด" ทอดเป็นลำโตๆ คะเนว่าใหญ่เท่าลำต้นตาล มีสีต่างๆ สวยงามอร่ามยิ่ง นับได้ถึง 7 สี พุ่งแหวกม่านเมฆาอากาศขนานเป็นลำยาว โดยมาจากทางด้านทิศเหนือ สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ามาแต่ไกล จึงร้องเรียกภรรยาออกมาดูลำแสงประหลาดด้วยความตื่นเต้นปนตระหนก
ครั้น...แสงมหัศจรรย์พุ่งมาถึงซุ้มประตูหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ก็อันตรธานหายไปใน "องค์พระธาตุพนม" รุ่งเช้าสองสามีภรรยารีบนำความไปกราบเรียนต่อ "พระธรรมราชานุวัตร" เจ้าอาวาสในขณะนั้นรับทราบ
สองราตรีผ่านมาเป็นวันขึ้น 7 ค่ำ เดือนเดียวกัน หลวงพ่อพระธรรมราชานุวัตร (แก้ว กฺนโตภาโส ป.ธ.6 น.ธ.เอก) สั่งให้ "สามเณรทรัพย์" ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน นั่งทางในตรวจดูเหตุการณ์ว่า แสงประหลาดลึกลับที่นายไกฮวดเห็นเป็นข้อเท็จจริงประการใด
เณรน้อยจอมขมังเวทย์เข้าญาณสมาธิ พบ "พญานาคราช 7 ตน" เรียงกันเป็นแถวอยู่บริเวณลานกว้างหน้าพระธาตุ ลำตัวใหญ่มหึมา มีหงอนสีแดง น่าเกรงขามยิ่งนัก
จากนั้นพญานาคทั้งเจ็ดได้เนรมิตร่างกลายเป็นมานพหนุ่ม 7 คน ทรงเครื่องสีขาวบริสุทธิ์ เรียงกันเป็นแถว ณ ที่เดิม ลักษณะจะก้มก็ไม่ใช่ จะยืนก็ไม่เชิง อาปักกิริยาอยู่ระหว่างกึ่งก้มกึ่งยืน
มานพผู้เป็นหัวหน้าร้องถาม "พ่อเณร...มีธุระอะไร? อย่าเกรง จงบอกมา..." สามเณรยืนนิ่งไม่ตอบ กำลังจะหันหลังเพื่อกลับกุฏิ พญานาคในร่างมานพกล่าวต่อ "จะกลับแล้วใช่ไหม ขอไปด้วยอยากสนทนากับท่านเจ้าคุณ.." สิ้นเสียงก็ประทับร่างทรงเณรน้อย ด้วยจิตอำนาจที่เหนือกว่า สามเณรผู้เรืองวิชาหมดความรู้สึก สติดับวูบหายไปในบัดดล
สักครู่...ก็มาอยู่ตรงหน้าเจ้าอาวาส พลางยกมือไหว้พร้อมกล่าว "นมัสการท่านเจ้าคุณ หม่อมฉันมาอยู่กันสองคืนแล้ว..." ท่านเป็นใคร? มาจากไหน? เจ้าอาวาสถามด้วยความฉงน "หม่อมฉันเป็นพญานาคจากสระอโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย มีนามตามลำดับเป็นมงคลตามอริยทรัพย์อันประเสริฐ คือ 1.พญาสัทโทนาคราชเจ้า หัวหน้า 2.พญาศิลวุฒินาโค 3.พญาหิริวุฒินาโค 4.พญาอัตตัปปะนาโค 5.พญาสัจจะวุฒินาโค 6.พญาจาคะวุฒินาโค 7.พญาปัญญาเตชะวุฒินาโค
หม่อมฉันทั้งเจ็ดได้รับบัญชาจาก "พระอินทราธิราชเจ้า" ให้มาปกปักรักษา "พระอุงรังคธาตุ" เพราะเหล่าเทพยดาที่รักษาองค์พระธาตุแต่เดิม มีนิสัยไม่งามกินสินบนและเครื่องเซ่นไหว้ของชาวบ้าน พวกหม่อมฉันไม่ต้องการอามิสสินจ้างใดๆ ขอเพียงน้ำบูชาก็เพียงพอ และจะอยู่ดูแลรักษาองค์พระธาตุพนมไปจนกว่าจะหมดสิ้นศาสนาพระสมณโคดม..."
บทความข้างต้น คือ "จุดกำเนิด" เรื่องราวมหัศจรรย์พันลึกในวันสัตตนาคารำลึก...ที่เล่าขานกันมาจากอดีตถึงปัจจุบัน

จัดงานวันสัตตนาคารำลึก
แต่ละปีทางจังหวัดได้จัดงานนี้อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานต่าง ๆ ในเมืองนครพนม ในวันสำคัญนี้ ประชาชนที่มีจิตศรัทธาเสื่อมใสต่อองค์พระธาตุพนม จะแห่แหนหลั่งไหลมาร่วมในพิธีอย่างมืดฟ้า มัวดิน งานจะเริ่มตีฆ้องโหม่งเวลาหกโมงเย็น ทุกฝ่ายจะร่วมกันสวดมนต์ทำวัตร และปฏิบัติธรรมอย่างพร้อมเพรียงในมณฑลพิธี
เข็มนาฬิกาจะเดินผ่านช่วงราตรีของเที่ยงคืน ข้ามเข้าสู่หมายกำหนดการตอนตีสอง ตามเวลาที่นายไกฮวด ผู้พบแสงพญานาคคนแรกบอกเล่า พระสงฆ์นับพันรูปจากทั่วสารทิศสวดเจริญชัยมงคลคาถา ผู้คนต่างสงบนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกดตรึงกาย
สปอตไลท์ภายในงาน ที่น่าจับตามองอีกพิธีหนึ่ง คือ "การชุมนุมโอรส-ธิดา พญานาคราช" จะมีร่างทรงหรือคนมีองค์ทุกหัวระแหงมารวมกันอยู่ ณ ที่ศักดิ์สิทธิ์ตรงนี้..
สิ่งมหัศจรรย์ที่ยากต่อการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ มักจะเกิดขึ้นในคืนวันนี้...มีผู้มาร่วมงานนิยมพกพา อุปกรณ์ในการบันทึกภาพทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว บ่อยครั้งที่ถ่ายภาพติดลำแสงประหลาดรอบองค์พระธาตุพนม เชื่อกันว่าเป็นพญานาคทั้ง 7 ตน ปรากฏกายให้ชมบารมีกัน
ผู้ใดบันทึกภาพนี้ได้ถือเป็นสิริมงคลต่อชีวิต จากนั้นพระอาทิตย์ทอแสงแรกจากขอบฟ้า มีพิธีทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับและสัมภเวสี เป็นอันจบพิธีงานวันสัตตนาคารำลึกของปี จะหวนกลับมารวมกันอีกครั้งในปีถัดไป
...องค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นศูนย์กลางรวมจิตใจของคนไทย ยังตั้งตระหง่านเสียดฟ้ารอผู้มาเยือนพิสูจน์ความมหัศจรรย์ในคืน ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 อยู่เสมอครับ...

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น