
เรื่อง: แตงโม สกลนคร
เคยไหมครับ ความรู้สึกที่เหมือนถูกแรงดึงดูดบางอย่างฉุดกระชากให้เราเข้าไปอยู่ในวังวนของใครบางคน? อาการมันเริ่มจากความอยากรู้จัก อยากวนเวียนใกล้ๆ แบบไม่มีเหตุผลชัดเจน เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เราโฟกัสไปที่เขาคนนั้น จนกระทั่งความคิดและการกระทำของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
บางทีแค่ได้เห็นหน้า หัวใจมันก็เต้นผิดจังหวะไปหมด ร่างกายเหมือนเสียศูนย์ ควบคุมอะไรไม่ได้ ยิ่งถ้าได้สบตาใกล้ๆ นะ โอ้โห... เหมือนน้ำตาลในเลือดมันพุ่งสูงปรี๊ด ชนิดที่เรียกว่าเป็นเบาหวานทางใจเลยก็ว่าได้ (หัวเราะเบาๆ)
แล้วไอ้อาการที่นั่งฟังเพลงเดิมๆ ที่เขาชอบ หรือบางทีเขาร้องไม่เพราะเลยด้วยซ้ำ แต่เราก็นั่งฟังได้เป็นสิบรอบแบบไม่เบื่อ แถมยังเผลอยิ้มออกมาคนเดียว จินตนาการไปต่างๆ นานา นี่มันอาการของคน “รักหมดใจ” ชัดๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ
พอความสัมพันธ์มันเริ่มลึกซึ้งขึ้น เราจะเริ่มรับรู้กิจวัตรประจำวันของเขา ปรับเวลาของเราให้เข้ากันโดยไม่รู้ตัว ตื่นพร้อมกัน นอนเวลาใกล้เคียงกัน กินข้าวเวลาเดียวกัน มันมีความปรารถนาดี ความห่วงใย อยากดูแล อยากช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง ซึ่งตรงนี้มันก็ดูมีเหตุผลอยู่บ้างนะครับ
แต่ที่น่าสนใจคืออาการ “อยากครอบครอง” ความรู้สึกที่อยากให้เขาเป็นของเราคนเดียว บางทีถึงขั้นคิดว่าถ้าไม่ได้เขาก็คงไม่อยากมีความรักกับใครอีกเลย อันนี้ก็ตรงไปตรงมาจนน่าตกใจเหมือนกันนะครับ
และที่พีคสุดๆ คืออาการ “เลิกใช้สมอง ใช้แต่ความรู้สึก” พอผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว เราจะมานั่งคิดทบทวนว่า “ตอนนั้นเราทำอะไรลงไปนะ ใครสั่งให้เราทำ” เหมือนมีพลังงานบางอย่างมาควบคุมความคิดและการกระทำของเรา
บางคนถึงขั้นมีอาการ “เสพติด” โหยหา หลงใหล จนบางทีก็รู้สึกทรมานเมื่อไม่ได้อยู่ใกล้ หรือบางทีก็รู้สึกเหมือน “พรหมลิขิต” ราวกับว่าจิตวิญญาณของเราผูกพันกับคนนี้มานานแสนนาน รู้สึกว่า “คนนี้แหละ... ใช่เลย”
จากมุมมองที่หลากหลายเหล่านี้ ทำให้เราเห็นว่า “การตกหลุมรัก” มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนจริงๆ ครับ บางคนมองว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ บางคนมองว่ามีเหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้อง และบางคนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องของโชคชะตาหรือพรหมลิขิต
สถานะของการตกหลุมรักก็มีหลากหลายนะครับ บางคนแอบรักอยู่เงียบๆ บางคนถูกหลอกให้รัก และบางคนก็รักอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายผลลัพธ์ก็มีแค่สองทาง คือถูกรักตอบ หรือถูกปฏิเสธ
อย่าง “แตงโม” จะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ตอนวัยรุ่นเคยตกอยู่ในสถานะรักฝ่ายเดียว หลงรักคนที่ไม่ดีแบบหัวปักหัวปำ รู้ว่าเขาไม่ได้รัก แต่ใจมันก็ยังคงมีให้เขาอยู่ดี ตอนนั้นมันยากที่จะอธิบายจริงๆ ครับ จนกระทั่งโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่า อ๋อ... เขารู้จุดอ่อนของเรา “แค่เข้ามาทำท่าว่าอยากอยู่ใกล้ๆ ใช้การแสดงพฤติกรรมแทนคำพูด เราก็ละลายแล้ว แต่นั่นมันคือหลุมพราง” ประสบการณ์นี่แหละครับ ที่ช่วยให้เราอธิบายสถานะของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
ประสบการณ์ของแตงโมแสดงให้เห็นว่า ความรักในแต่ละช่วงวัยมันแตกต่างกันจริงๆ วัยรุ่นอาจจะตกหลุมรักด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ยากจะควบคุม ในขณะที่วัยผู้ใหญ่จะมองความรักด้วยเหตุผลและประสบการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รูปแบบของความรักก็หลากหลายและเปิดกว้างขึ้น หลายคนกล้าที่จะแสดงความรู้สึกในรูปแบบใหม่ๆ จนเกิดเป็นนิยามของ “ความรักออนไลน์”
ผมว่าการ “ตกหลุมรัก” ใครสักคน มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อน หลากหลาย และไม่มีคำตอบตายตัว แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ มันเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังและมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา ไม่ว่าคุณจะมองความรักในรูปแบบไหน จงเปิดใจและยอมรับความรู้สึกของตัวเองนะครับ เพราะ ถึงแม้ความรักจะทำให้เราหวั่นไหวและอาจมีน้ำตา แต่ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากมัน จะเป็นภูมิคุ้มกันให้หัวใจเราแข็งแกร่งขึ้นในทุกย่างก้าวของชีวิตครับ
อ่านบทความต้นฉบับ: https://tangmo-sakon.blogspot.com/2025/03/Love.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น