"อย่าเสียเวลาสอน! สิ่งเหล่านี้ 'ต้องสัมผัสเอง' ถึงจะเข้าใจโลก"

"อย่าเสียเวลาสอน! สิ่งเหล่านี้ 'ต้องสัมผัสเอง' ถึงจะเข้าใจโลก"

วันนี้อยากจะชวนคุยเรื่องน่าคิดเรื่องหนึ่ง ที่เราตั้งคำถามว่า "ความรู้" อะไรที่สอนกันไม่ได้บ้าง อ่านความคิดเห็นของทุกคนแล้วรู้สึกว่า เออ จริงว่ะ มันมีบางอย่างที่สอนกันไม่ได้จริงๆ นะ

ลองนึกภาพตามนะ มีคนบอกว่าทุกอย่างสอนกันได้หมดแหละ ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ไปจนถึงเรื่องยากๆ อย่างการหลุดพ้นนู่น! เขายกตัวอย่างสารพัดวิธีสอนเลย ทั้งบอก เล่า สั่งสอน ทำให้ดู ชี้แนะ โอ้โห สารพัดจะสอน แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ถึงจะสอนกันได้แทบตาย สุดท้าย การรับและการเอาไปใช้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ เหมือนครูสอนคณิตศาสตร์เก่งแค่ไหน ถ้าเราไม่เปิดใจเรียน ไม่ฝึกทำโจทย์ มันก็เท่านั้นอ่ะ จริงมั้ย?

อีกคนก็เสริมมาว่า ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ พวกนี้มันถ่ายทอดกันได้แหละ แต่ไอ้ที่มันต่างกันสุดขั้วคือ "ทำเป็น" กับ "ทำแบบมืออาชีพ" นี่สิของจริง! การจะเป็นมืออาชีพมันต้องใช้เวลา ต้องเจ็บต้องพลาด ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา แถมต้องมีคนชี้แนะดีๆ อีกต่างหาก เหมือนเราอยากเล่นกีตาร์เป็นอ่ะ ใครๆ ก็สอนคอร์ด สอนเทคนิคได้ แต่กว่าจะเล่นได้พลิ้วเหมือนนักดนตรีอาชีพ มันต้องซ้อมแล้วซ้อมอีกจนนิ้วด้านเลยนั่นแหละ

แล้วก็มีอีกมุมที่น่าสนใจมาก เขาเปรียบเทียบเรื่อง การถ่ายทอดข้อมูล กับ การถ่ายทอดประสบการณ์ ให้เห็นภาพชัดเจนเลย เขาบอกว่าเราเปิดคลิปวิดีโออธิบายเรื่องทุเรียนให้ฝรั่งที่ไม่เคยกินดูได้ ให้เขารู้จักหน้าตาของมันได้ แต่ยังไง๊ยังไง เขาก็ไม่ทางรู้หรอกว่ารสชาติและกลิ่นมันเป็นยังไง จนกว่าเขาจะได้ลองกินของจริง! เออ จริงด้วย! บางอย่างมันต้องสัมผัสเองจริงๆ ถึงจะเข้าใจ

บางคนก็อาจจะแย้งว่า ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ สอนกันได้หมดแหละ ครูสอนพ่นสีก็สอนวิธีจับปืน สอนกลไกได้ ครูสอนหนังสือก็ให้ความรู้เราได้ หรือแม้แต่ประสบการณ์ เขาก็เล่าให้เราฟัง เป็นแนวทางได้ แต่ประเด็นที่เขาเน้นย้ำคือ ประสบการณ์มันแบ่งกันไม่ได้ คนที่ไม่เคยเจอ จะไปขอยืมประสบการณ์จากคนอื่น มันทำไม่ได้ไงล่ะ

แล้วก็มีอีกคนที่พูดถึงเรื่องการสอนว่า มันคือการชี้แนะ ไม่ใช่การบังคับให้เลียนแบบ ทุกอย่างมันสอนกันได้ แต่ การจะเอาไปใช้ให้สำเร็จ มันอยู่ที่อิสระของแต่ละคน เหมือนเวลาไปเข้าเวิร์คช็อปนั่นแหละ ครูสอนเทคนิคสารพัด แต่สุดท้ายเราจะเอาไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสไตล์ตัวเองได้แค่ไหน มันก็เรื่องของเรา

ปิดท้ายด้วยมุมมองที่ลึกซึ้งไปอีกขั้น เขาพูดถึง "การเดินทางของจิต" ที่เป้าหมายคือการลดความทุกข์ การเกิดแก่เจ็บตาย เขาบอกว่าหนทางมันมืดมิด เราต้องอาศัยครูบาอาจารย์ช่วยชี้แนะ เหมือนการเรียนรู้อื่นๆ ที่ต้องมีคนช่วยแก้ไขข้อบกพร่อง ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี แล้วมันก็จะนำมาซึ่งความสุขกาย สุขจิต

พอฟังความเห็นหลากหลายแบบนี้แล้ว ทำให้คิดได้ว่า จริงๆ แล้ว ความรู้บางอย่างมันก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ ครูบาอาจารย์หรือคนที่มีประสบการณ์ก็เหมือนคนให้เมล็ดพันธุ์ ให้ปุ๋ย ให้น้ำ แต่สุดท้าย การเติบโต งอกงาม ออกดอกออกผล มันอยู่ที่ดินที่เราปลูก และการดูแลเอาใจใส่ของเราเอง

ไม่มีใครบังคับให้เมล็ดพันธุ์ทุกเมล็ดเติบโตได้เหมือนกัน บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าการ "สอน" ก็คือการสร้างแรงบันดาลใจ ให้เขาอยากที่จะเรียนรู้และเติบโตด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ?

ความคิดเห็น

บทความ OnePoverty