
เรื่อง: แตงโม สกลนคร
สวัสดีครับทุกคน วันนี้เรามาคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เหมือนนั่งคุยกันในพอดแคสต์นะครับ เคยไหมครับ... ที่บางครั้งในชีวิต เราอาจจะเคยปฏิเสธความช่วยเหลือจากใครบางคนไป ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ณ ตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเวลาผ่านไป ได้ยินเรื่องราวบางอย่าง หรือแม้แต่คนใกล้ชิดของเขามาขอความช่วยเหลือจากเราอีกครั้ง ความทรงจำเก่าๆ มันก็เหมือนฉายหนังซ้ำในหัวเลยใช่ไหมครับ
เหมือนเรื่องราวที่ผมเพิ่งได้อ่านมาเลยครับ ที่เขาเล่าว่า คนในครอบครัวของคนที่เลิกลาไปแล้ว มาขอความช่วยเหลือ แต่เขาปฏิเสธไป แล้วสุดท้ายก็มานั่งคิดมาก รู้สึกผิด โทษตัวเองว่าใจร้าย ความรู้สึกผิดมันถาโถมเข้ามาแบบที่เราตั้งตัวไม่ทันเลย
ในยุคที่เราใช้ชีวิตอยู่กับโลกออนไลน์แบบนี้ บางทีความคิดถึงมันก็พาเราเผลอไปหยิบโทรศัพท์ อยากจะเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของคนที่จากไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ตรงนั้นแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะทักทาย หรือติดต่อใคร เพราะกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่มันเจ็บปวด เราเลยได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ คอยระบายกับเพื่อนสนิทในกลุ่มแชทเล็กๆ
ผมเข้าใจเลยนะครับ ความรู้สึกที่มันตีกันอยู่ในหัว เหมือนสมองสองด้านที่กำลังทะเลาะกันเอง ข้างหนึ่งก็บอกให้ "หยุดคิดถึง" แต่อีกข้างมันก็ "คิดถึงเหลือเกิน" ความรู้สึกมันเจ็บปวดเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนจริงๆ ครับ หลายๆ คนก็ต้องเคยเจอ
บางทีเราอาจจะคิดว่าความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนอาการอกหัก แต่จริงๆ แล้วลึกลงไป มันอาจจะเป็นความรู้สึกผิดที่คอยกัดกินใจเราอยู่เงียบๆ ความรู้สึกผิดที่เราไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในวันที่เขายังมีชีวิตอยู่ ตรงนี้แหละครับที่มันเจ็บปวดเป็นพิเศษ
แล้วเคยได้ยินคำว่า "แม่งอ่อนแอว่ะ" ไหมครับ? บางทีเราอาจจะเคยพูดคำนี้ หรือได้ยินคนอื่นพูด เพื่อที่จะปกป้องตัวเองจากความรู้สึกอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วภายใต้คำพูดนั้น มันอาจจะซ่อนความรู้สึกผิด ความเสียใจ และการยอมรับว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีทั้งด้านที่เข้มแข็งและด้านที่อ่อนแอนั่นแหละครับ
ผมอยากจะบอกว่า ไม่เป็นไรเลยนะครับที่เราจะรู้สึกผิด หรือเสียใจ มันแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนที่มีหัวใจ มีความรู้สึก และใส่ใจกับคนรอบข้าง ความรู้สึกผิดมันอาจจะทำให้เราเจ็บปวด แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นสัญญาณเตือนใจให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้น
และนี่คือข้อคิดที่อยากจะฝากไว้ครับ: ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นแล้ว แม้จะแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่จงใช้มันเป็นบทเรียน เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดโอกาสที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนที่ต้องการ ในปัจจุบันและอนาคต เพราะบางครั้ง การให้... คือการเยียวยาหัวใจของเราเองด้วยเช่นกันครับ
อ่านบทความต้นฉบับ: https://tangmo-sakon.blogspot.com/2024/08/lovestory.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น